แล้วคืนนี้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก จะเป็นการเจอกันของสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งยุโรป นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า ต้องบอกว่าห้ามพลาดกันเลยทีเดียว เพราะสองทีมนี้มีประวัติศาสตร์ในการเจอกันในฟุตบอลยุโรปที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง และพวกเขาก็โคจรมาพบกันอีกครั้งและมี 5 ประเด็นที่น่าพูดถึงก่อนเกมจะเริ่มมาดูกันเลย
1.หมดมุกแล้วหรือยัง?
ต้องบอกว่าตอนนี้ขวัญกำลังใจของ แมนฯยูไนเต็ด อาจจะไม่สู้ดีนัก เนื่องจากนัดล่าสุดพวกเขาบุกไปโดน วูล์ฟแฮมป์ตัน ย้ำแค้นมาอีกรอบทำให้ ผีแดง พ่ายแพ้เป็นนัดที่ 3 ใน 4 เกมหลังสุด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาทีมฟอร์มรูดอย่างน่าใจหาย เกมรุกที่เคยดุดันในช่วงแรกที่เข้ามาคุมทีมหายไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่เกมรับยังคงแก้ปัญหาไม่ตกเสียประตูอย่างต่อเนื่อง ผู้เล่นก็ดันได้รับบาดเจ็บไม่พร้อมใช้งานอีกหลายคน โซลชา เจอปัญหาเข้ามาถาโถมเรื่อยๆ และคืนนี้น่าจะเป็นปัญหาที่หนักอึ้งพอสมควรกับการรับมือ บาร์เซโลน่า เขาจะใช้เกมนี้ปลุกแข้งปีศาจแดงลุกขึ้นมามีความมั่นใจอีกครั้งหรือไม่ หรือจะทำให้ทีมด่ำดิ่งลงไปอีก มารอดูกัน
2.ผีแดงลุ้นหนัก
สภาพทีมก่อนเกมนี้ผีแดงคงต้องลุ้นหนักหน่อยเพราะ โซลชา ยังไม่แน่ใจว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด จะฟิตเต็มร้อยสำหรับเกมคืนนี้หรือไม่หลังจากเจ้าตัวพลาดการลงสนามในเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า ขณะที่ในรายของ เอริก ไบยี่ และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ยังคงได้รับบาดเจ็บอยู่ ส่วนสองมิดฟิลด์คนสำคัญอย่าง เนมานย่า มาติช และอังเดรเอร์รร่า พลาดการลงซ้อมในช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา งานนี้แฟนผีแดงอาจจะได้เห็นกองกลางคู่เดิมอย่าง สก็อตต์ แม็คโทมินเย์ และเฟร็ด ก็เป็นได้ สวนทางกับ บาร์เซโลน่า ที่มาแบบฟูลทีมล่าสุดยังได้ มุสซ่า เดมเบเล่ หายเจ็บกลับมาลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมแล้วด้วย ปีศาจแดงเจองานหนักแน่นอน
3.จุดอ่อน บาร์ซ่า?
เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่เรียกได้ว่า บาร์เซโลน่า แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ด้วยชัยชนะ 22 นัด เสมอ 7 และแพ้แค่ 2 นัด ทำให้พวกเขารั้งจ่าฝูงโดยมี แอตเลติโก มาดริด ตามหลังถึง 11 แต้ม ไม่ต่างจากฤดูกาลที่แล้วที่พวกเขาคว้าแชมป์ด้วยแต้มห่างรองจ่าฝูงถึง 14 แต้ม ฤดูกาลนี้แนวรุกบาร์ซ่ายิงกระจุยกระจายไปถึง 88 ประตูแล้ว แต่ทว่า ชาบี เอร์นานเดซ อดีตกองกลางของทีม “เจ้าบุญทุ่ม” ได้ออกมาวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนของบาร์ซ่าชุดนี้ โดยเขามองว่า แนวรับฤดูกาลนี้เสียประตูเยอะกว่าปกติ (ฤดูกาลนี้ 2017-18 เสีย 29 ประตู ฤดูกาล 2018-19 เสีย 31 ประตู) หาก แมนฯยูไนเต็ด ใช้ประโยชน์จาก โรเมลู ลูกากู และมาร์คัส แรชฟอร์ด ได้อย่างคุ้มค่าและใช้โอกาสไม่เปลือง เขาเชื่อว่าจะเล่นงานต้นสังกัดเก่าของเขาได้แน่นอน
4.จับตาย “เมสซี่” เท่านั้น!
คงไม่ต้องบอกถึงความอันตรายของชายผู้นี้ แมนฯยูไนเต็ด น่าจะรู้ซึ้งเป็นอย่างดีโดยเฉพาะสองนัดที่เจอกันในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ปี 2009 และปี2011) ลีโอเนล เมสซี่ ก็สอยตาข่าย ผีแดง ได้ทั้งสองนัดด้วย สำหรับฤดูกาลนี้ ดาวเตะอาร์เจนไตน์ ยิงประตูไปแล้วทั้งสิ้น 43 ประตูกับอีก 21 แอสซิสต์จากการลงเล่น 40 นัดในทุกรายการ มีโอกาสสูงเลยทีเดียวที่จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของยุโรปในปีนี้ แถมเขายังมีสถิติยิงทีมจากลีกผู้ดีไปแล้วถึง 22 ประตูจาก 30 นัดในถ้วยยุโรป ซึ่งมากกว่านักเตะทุกคนในประวัติศาสตร์รายการนี้ น่าสนใจว่า โซลชา จะมีวิธีหยุดความร้อนแรงนี้ได้อย่างไร บางทีเขาอาจจะยอมเสียผู้เล่นหนึ่งคนเพื่อตามประกบ เมสซี่ เป็นเงาก็เป็นได้ ต้องมาดูกันว่าคืนนี้ เมสซี่ จะแผลงฤทธิ์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้หรือไม่
5.ในบ้านไม่กลัว
อย่างทีทราบกันดีว่าทั้งสองเคยเจอกันในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2009 และ 2011 ซึ่งก็เป็น บาร์เซโลน่า ที่เก็บชัยชนะซิวแชมป์ได้ทั้งสองนัด (2-0 และ 3-1) อย่างไรก็ตาม แมนฯยูไนเต็ด ยังไม่เคยแพ้คาบ้านแก่ บาร์เซโลน่า เลยสักครั้ง (ชนะ 2 นัด เสมอ 2 นัด) ซึ่งแฟนผีหากยังจำกันได้ หนล่าสุดที่เจอกันในโอลด์ แทรฟฟอร์ด พอล สโคลล์ ตะบันด้วยขวาเป็นประตูชัยให้ ผีแดง เฉือนชนะ 1-0 ใน รอบรองชนะเลิศ ฤดูกาล 2007-08 และหากไม่นับการเจอกันในรอบชิงชนะเลิศ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ทั้งสองครั้งในการเจอกับ บาร์เซโลน่า ทั้งในรอบก่อนรองฯ คัพ วินเนอร์ส คัพ ฤดูกาล 1983-84 (ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-2) และรอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2007-08 (ชนะด้วยสกอร์รวมสองนัด 1-0)