เชื่อได้เลยว่าทำไม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่เพียง แต่จะเป็นหนึ่งในสโมสรระดับท็อปของอังกฤษเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงในยุโรปด้วย บางคนอาจแย้งว่าพวกเขาเป็นสโมสรที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และด้วยเหตุผลเดียวกัน คำพูดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ตั้งแต่ เฟอร์กูสัน เกษียณตัวเองจากการเป็นหัวเรือใหญ่บัญชาทีม สโมสรได้มีการดึงสุดยอดผู้จัดการที่มีความสามารถหลายคนเข้ามา เพื่อนำพวกเขาเข้าสู่ยุคใหม่ เริ่มต้นจาก เดวิด มอยส์ ตามต่อด้วย หลุยส์ ฟานกัล จากนั้นไปที่ โชเซ่ มูรินโญ่ และในที่สุดก็นำไปสู่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการคนปัจจุบัน
แต่ไม่มีผู้จัดการคนใดในกลุ่มที่กล่าวมา ที่สามารถพาทีมเข้าใกล้เคียงกับความสำเร็จของ เซอร์ อเล็กซ์ ได้ โดยมีเพียง โชเซ่ มูรินโญ่ เท่านั้น ที่พอจะทำให้แฟนๆมีความสุข หลังจากคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก ในปี 2017
ฤดูกาลนี้ ก็เป็นฤดูกาลที่คล้ายกันกับทุกคนในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจาก มูรินโญ่ ควบคุมหางเสือในตอนแรก และ ตอนนี้ลงท้ายด้วย โซลชา เข้ามาถือพวงมาลัยต่อ แต่จะเอาจริงๆกับฟอร์มในปัจจุบันของยูไนเต็ดตอนนี้ มันดูไม่จืดเลยจริงๆ
ทีมลงเล่นโดยค่าเฉลี่ยเป็นรองฝ่ายตรงข้ามทุกอย่าง ซึ่งเกมที่พ่ายแพ้ 0-4 ต่อเอฟเวอร์ตัน เมื่อวานนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด กับฟอร์มการเล่นของทีมที่กำลังยืนอยู่ตอนนี้
วันนี้เรามาดู 3 เหตุผล ที่เป็นต้นเหตุหลักสำหรับความตกต่ำของทีมในฤดูกาลนี้ และฟอร์มที่ออกทะเลมาอย่างต่อเนื่อง ว่าแท้จริงมาจากตรงไหน
1.ขาดแนวป้องกันที่ดี
.jpg)
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยกล่าววลีอมตะ ไว้ว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์”
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้นำบทเรียนที่ผ่านมา เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง แผงแบ็คโฟร์ที่ทีมมีอยู่ในขณะนี้ เป็นหนึ่งในชุดที่เลวร้ายที่สุด เท่าที่ทีมที่เคยมีมาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา หรือ อาจจะจะแย่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยก็ว่าได้
เราเคยเห็นกองหลังยูไนเต็ด อย่าง เนมันย่า วิดิช และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่มักจะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีม ด้วยการลงสนามและแสดงให้เห็นถึงความเต็มเปี่ยมไปด้วยการเล่นด้วยหัวใจ แต่แนวรับในชุดปัจจุบันกลับย่ำแย่ จนทำให้แฟนๆ
ของทีมต้องตะลึง
แม้ว่า วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ นั้นจะฟอร์มยอดเยี่ยมมาก เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ ในฤดูกาลนี้ แต่เขาก็ยังไม่ใช่ผู้นำในแบบที่ วิดิช เคยเป็น ในส่วน แอชลีย์ ยัง นั้นมักจะอยู่ในสานการณ์ความโกลาหลอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่ สมอลลิ่ง และ โจนส์ แม้จะ
จัดอยู่พวกกองหลังที่ดี แต่ยังไม่ดีพอสำหรับสโมสรระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วน ลุค ชอว์ ก็มักจะมีอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่เป็นประจำ
เห็นได้ชัดว่าการที่ ลิเวอร์พูล ได้ตัว ฟาน ไดจ์ค มา ได้เปลี่ยนพวกเขาจากผู้ท้าชิงตำแหน่ง เป็นผู้ชนะที่มีค่า และ อาจเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในยุโรป ซึ่งหาก ยูไนเต็ด ต้องการจะกลับสู่เส้นทางที่ควร พวกเขาจะต้องหา กองหลังในระดับเดียวกับ
เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ให้ได้
2.ขาดการจัดการทีมที่ยอดเยี่ยม
.jpg)
ที่ผ่านมา ยูไนเต็ด ได้ลงสนามโดยใช้ passion ใช้หัวจิตหัวใจในสนาม มากกว่าการจะลงเล่นด้วยแผนการที่เหมาะสม
ในงานแถลงข่าวของ โซลชา มีการเน้นย้ำเกี่ยวกับวิธี ที่เขาพยายามกระตุ้นผู้เล่น และทำให้พวกเขา ตระหนักว่า พวกเขากำลังเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ในทางปฏิบัตินั่นไม่ใช่สิ่งที่สามารถช่วยให้คุณชนะในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง หรือ
ก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนหัวตารางได้
เห็นได้ชัดว่าคุณไม่สามารถเปรียบเทียบ โซลชา กับ เป๊ป กวาดิโอล่า หรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือแม้แต่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ได้เลย เพราะผู้จัดการทีมเหล่านี้ ชนะการแข่งขันได้ ไม่ใช่เพราะหัวใจที่พวกเขาใส่เข้าไปในทีม แต่มันยังมีกลยุทธ์ และ แท็กติก
มากมายที่ถูกนำมาใช้
ซึ่งมันอาจจะต้องมองว่า ยูไนเต็ด อาจจะจำเป็นที่จะต้องแต่งตั้งผู้จัดการที่เหมาะสม ซึ่งรู้วิธีที่จะเอาชนะในทุกๆ ตำแหน่งในสนาม
3.พึ่งพากองกลางมากเกินไปเนื่องจากแนวรุกที่อ่อนแอ
.jpg)
อาจจะกล่าวได้ว่า อเล็กซิส ซานเชซ ยังอยู่กับทีม ส่วน โรเมลู ลูกากู นั้นแม้ว่าจะพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกสมัยอยู่กับ เอฟเวอร์ตันได้ แต่เขาก็ยังห่างไกลจากกองหน้าคุณภาพที่สมบูรณ์แบบของ แมนฯยูไนเต็ด บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม เชลซี ถึงไม่มีที่ว่างสำหรับเขา
มาร์คัส แรชฟอร์ด แม้จะมีบทบาทมากในฤดูกาลนี้ และ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนุ่มน้อยชาวอังกฤษ คนนี้มีอนาคตที่สดใสรอคอยเขาอยู่ แต่เขายังไม่พร้อมที่จะรับสายบังเหียนอยู่ในมือ เด็กคนนี้ยังต้องได้รับการขัดเกลาและพัฒนา เขายังไม่สามารถแบกทีมในแบบที่กองหน้าของทีมอื่นอย่าง ซาลาห์ หรือ ดิเอโก คอสตา ทำได้ หรือ เล่นในระดับกอง กุน อเกวโร่ ได้
ผลงานที่ไม่สดใสของ ลูกากู และ แรชฟอร์ด ที่ดีที่สุดนั้น ยังไม่เพียงพอที่จำนำพาทีม ทำให้ความกดดันกำลังถูกนำไปยังกองกลางของยูไนเต็ด ที่แน่นอนว่างานของพวกเขานั้น ไม่ได้ทำประตู แต่เป็นการเชื่อมเกมไปข้างหน้า
ซึ่งดูแล้วมีเพียง ป๊อกบา และ เอร์เรร่า เท่านั้น ที่สามารถขึ้นไปทำประตูได้ แต่ เฟร็ด, มาติช หรือ แม็คโทมิเนย์ แทบไม่มีลักษณะ ที่จะพิสูจน์ได้เลย ว่าพวกเขาเป็นกองกลางที่สามารถขึ้นไปทำประตูได้
ยูไนเต็ด จึงจำเป็นต้องหาดาวยิงอย่างแน่นอนในฤดูกาลหน้า ซึ่งต้องสามารถทำประตูได้อย่างน้อย10-15 ประตู เพื่อให้กองกลางทำหน้าที่และสิ่งที่ดีที่สุดในแบบฉบับตำแหน่งของตัวเองได้