เปิด 5 ประเด็นหลังแมนยูโดนบาร์ซ่าตบหน้าคาถิ่น

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีงานช้างอีกครั้งเมื่อ เปิดบ้านโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แพ้ ให้ บาร์เซโลน่า 0-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศงานนี้คงลำบากแน่คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์อย่างเดียวแล้ว

ประตูชัยในเกมนี้มาจาก หลุยส์ ซัวเรซ ช่วงนาทีที่ 13 แม้ตอนแรกไลน์แมนยกธงว่าล้ำหน้า แต่เมื่อเช็ค วีเออาร์ แล้วทุกอย่างโปร่งใส แถมจังหวะดังกล่าว ลุค ชอว์ เป็นคนทำเข้าประตูตัวเอง อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะมีชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่ประตูนี้สร้างความได้เปรียบให้กับ “เจ้าบุญทุ่ม” ที่ได้ทั้งชัยชนะ และอะเวย์โกล

สำหรับเกมนี้หากมองอย่างเป็นกลาง โอกาสทำประตูของทั้งสองฝ่ายไม่ค่อยมากนัก และเป็นทีมเยือนที่ครองเกมได้เหนือกว่า แต่เจ้าบ้านก็มีโอกาสทองซึ่งน่าจะเป็นครั้งเดียวจากจังหวะการโหม่งของ ดีโอโก ดาโลต์ ช่วงนาทีที่ 40 ซึ่งหากเป็นกองหน้าขนานแท้คงจะโหม่งได้ดีกว่านี้หลายเท่า

ความพ่ายแพ้พร้อมกับเสียอะเวย์โกล ทำให้ภารกิจในการเยือนคัมป์ นู นัดสองค่อนข้างหนักหนาสาหัส แต่เชื่อว่าสาวก “เร้ด อาร์มี่” ยังคาดหวังจะเกิดเหตุการณ์พลิกนรกเหมือนเกมเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย หรือย้อนไปไกลในปี 1999 ที่เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค จาก 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ที่สนามชามอ่างยักษ์ด้วย

1. เมสซี่ เลือดกระฉูดแล้วไง 

ทั่วโลกคงได้เห็นประจักษ์สองตาแล้วว่า ลิโอเนล เมสซี่ เก่งฉกาจฉกรรจ์มากแค่ไหนในวงการฟุตบอลยุคใหม่ เมื่อเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าศักยภาพในการเล่นเหนือชั้นชนิดที่นักเตะมากมายยากจะทัดเทียม (ยกเว้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้) และเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นอีกแมตช์ที่เขายังคงเล่นได้ดีเยี่ยม

แมตช์นี้แนวรับและกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามที่จะสกัดกั้นความยอดเยี่ยมของ สตาร์ทีมชาติอาร์เจนตินา ด้วยวิธีการที่ผู้เล่นมากมายใช้กันนั่นก็คือ ไล่อัดไล่บี้ไล่ขยี้ไม่ให้เขามีโอกาสได้ครองบอลนาน เพราะหากไม่ทำแบบนี้มีหวังโดนพาทัวร์จนหัวหมุนแน่ๆ

สำหรับเกมนี้ เมสซี่ ไม่มีชื่อเป็นคนทำประตู แต่ก็ยังคงมีส่วนสำคัญกับประตูโทนเมื่อเขาวิ่งตัดหลังแนวรับ “ปีศาจแดง” เข้าไปจับบอลในเขตโทษ และเปิดบอลอย่างแม่นยำราวกับช่างน้ำหนักมาเมื่อเช้าให้ หลุยส์ ซัวเรซ ได้โหม่งเน้นๆ และไปแฉลบ ลุค ชอว์ เข้าประตูไป บอกเลยว่าลูกนี้สำคัญมากเพราะทำให้ บาร์ซ่า ได้เปรียบทั้งประตู และกฎอะเวย์โกล (กฎประตูทีมเยือน)

อย่างไรก็ตาม เกมนี้ เมสซี่ ต้องเจ็บตัวเมื่อโดน คริส สมอลลิ่ง ช้มือฟาดเข้าไปที่ใบหน้า จนทำให้เลือกกำเดากระฉูด และตาบวม  แต่กระนั้นก็ไม่ได้ส่งผลให้ ยอดแข้งเลือดอาร์เจนไตน์ หวั่นไหว เขายังคงลากเลื้อยหลอกล่อแนวรับ แมนฯ ยูฯ ต่อไปจนหมดเวลาการแข่งขัน

2. ซัวเรซ ทิ้งรอยแผลในโรงละครฯ (อีกแล้ว)

อดีตสตาร์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อย่าง หลุยส์ ซัวเรซ โดนหมายหัวจากบรรดาสาวก “เร้ด อาร์มี่” หลังนักเตะมีโอกาสได้กลับมาเยือนถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ในฐานะผู้เล่นของ บาร์เซโลน่า และงานนี้การต้อนรับของ “เด็กผี” ก็คือเสียงโห่ลั่นสนั่นสนาม

อย่างไรก็ตามเสียงโห่ของ “เร้ด อาร์มี่” ไม่ได้มีผลต่อสภาพจิตใจ และผลงานของ ซัวเรซ เลย เพราะเขายังคงโชว์ฟอร์มได้ดี และมีส่วนกลับประตูแรกในช่วงต้นเกม แม้ว่าประตูนั้นจะได้มาจากการช่วยเหลือของ “วีเออาร์” เนื่องจากตอนแรกท่านเปาเป่าไม่ให้ประตู แต่เมื่อพิจารณาจากวีดิโอช่วยตัดสิน สถานการณ์ก็พลิกมาเป็นทีมเยือนได้ประตู

ในจังหวะดังกล่าว ซัวเรซ อาจจะคิดว่าเขาทำประตูที่ 24 ให้กับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาลนี้ แต่สุดท้ายประตูดังกล่าวเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ ชอว์ กระนั้นหากมองจากผลงานโดยรวมในเกมนี้ หัวหอกชาวอุรุกวัย มีส่วนกับเกมเยอะมาก และยังเต็มไปด้วยความกระตือรื้อร้น ซึ่งนั่นพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขายังคงสุดยอดแม้จะอายุ 32 ปีแล้วก็ตาม

3. บุสเก็ตส์ พกดวงมาด้วยเหรอ ? 

หากจะมองหานักเตะที่พกโชคพกดวงติดตัวมาด้วยในเกมนี้คงต้องเอ่ยชื่อ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่มีโอกาสทำให้ต้นสังกัดเสียเปรียบจากหลายๆ จังหวะในเกมที่ “เธียเตอร์ ออฟ ดรีม”

ดาวเตะชาวสแปนิช โชคดีมากขนาดไหนที่โดนแค่ 1 ใบเหลืองหลังจากที่ทำฟาวล์นักเตะเจ้าบ้านหลายต่อหลายครั้ง เพราะเอาเข้าจริงๆ มีหลายจังหวะที่ บุสเก็ตส์ เล่นหนักเพื่อหยุดผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอาจทำให้เขาต้องโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดง

จริงๆ แล้วที่ บุสเก็ตส์ ได้อยู่เล่นจนครบ 90 นาที (โดนเปลี่ยนตัวช่วง 90+3) น่าจะต้องขอบคุณ จานลูก้า ร็อกคี่ ผู้ตัดสินใจในแมตช์นี้ เพราะเป็นท่านเปาที่ใจเย็นมากๆ โดยเฉพาะการที่เขาปล่อยให้ มิดฟิลด์ “เจ้าบุญทุ่ม” ได้อยู่เล่นต่อ เพราะในจังหวะที่ทำฟาวล์หนักใส่ ปอล ป็อกบา เห็นได้ชัดว่าควรจะโดนจดชื่อ แต่ก็ลอยนวลไปได้เฉยเลย

4. แม็คโทมิเน่ย์ พัฒนาขึ้นเยอะ 

สาวก “เร้ด อาร์มี่” ทั่วโลกคงต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นรายชื่อที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เลือกลงสนามในแผงมิดฟิลด์ เพราะเขาใส่ชื่อ สกอตต์ แม็คโทมิเน่ย์ กับ เฟร็ด ลงสู้กับแดนกลางมหาโหดของ บาร์เซโลน่า ที่มีทั้ง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, บุสเก็ตส์, อาร์ตูร์ เมโล่ และ  อิวาน ราคิติช

อย่างไรก็ตาม ยอดแข้งวัย 22 ปี ซึ่งเป็นผลผลิตชั้นดีจากศูนย์ฝึกเยาวชน แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้แฟนบอลได้รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงได้รับโอกาสลงสนามดวลกับมหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกลา ลีกา สเปน เพราะเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมากๆ ในการปะทะกับแข้งระดับโลกของ บาร์ซ่า

แม็คโทมิเน่ย์ ซึ่งได้รับโอกาสแจ้งเกิดจาก โชเซ่ มูรินโญ่ สมัยที่ยังกุมบังเหียน กับ เฟร็ด มีส่วนสำคัญมากๆ ในเกมแดนกลาง และพยายามเล่นอย่างมีระเบียบวินัย ทำให้แผงมิดฟิลด์ของ “ปีศาจแดง” สามารถต่อกรกับแผงกลาง บาร์เซโลน่า ได้ดีพอสมควร

นอกจากนี้การทำหน้าที่เป็นมดงานของ แม็คโทมิเน่ย์ ทำให้ ปอล ป็อกบา มีอิสระในการเล่นเกมบุกอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม การที่เกมรับของ บาร์ซ่า เล่นได้อย่างมีระเบียบ และไม่หวั่นไหวในเกมบุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้พวกเขาไม่สามารถสร้างความหวาดเสียวได้เลย

5. บาร์ซ่า คงสไตล์เล่นสวยและมีประสิทธิภาพ 

หากแฟนลูกหนังจำอดีตกันได้คงรู้ว่า บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ครั้งในช่วง 3 ปีมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยพวกเขาคว่ำ “ปีศาจแดง” ในรอบชิงถ้วยใบโตยุโรป เมื่อปี 2009 และ 2011 พร้อมกับสไตล์การเล่น “ติกิ-ตาก้า บรรลือโลก

ผ่านมาเกือบ 8 ปี บาร์เซโลน่า ยังคงรักษารูปแบบการเล่นที่สวยงามเอาไว้เหมือนเดิม แม้จะเปลี่ยนมือคนวางแท็คติกเป็น เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์ชาวสแปนิช โดยทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” พยายามต่อบอลไปมาบนพื้นสนาม และหาช่องว่างเพื่อเจาะเข้าไปทำประตู

ในช่วง 20 นาทีแรก จอร์ดี้ อัลบา,  อาร์ตูร์ เมโล่ และ อิวาน ราคิติช ผ่านบอลได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สำคัญยังผ่านบอลได้มากกว่าแมนฯ ยูไนเต็ดทั้งทีมรวมทั้ง เพราะ บาร์ซ่า สามารถครองเกมได้แบบสบายๆ อุราถึง 87.1 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวในช่วงต้นเกม

ขณะเดียวกันในครึ่งหลัง “เจ้าบุญทุ่ม” ยังคงโชว์ให้เห็นถึงจังหวะการต่อบอลที่แม่นยำ จนนักเตะเจ้าบ้านไม่สามารถแย่งบอลได้ และมีจังหวะหนึ่งที่พวกเขาต่อบอลไปมานานเกือบสองนาที ก่อนจะส่งให้ ซัวเรซ หลุดเข้าไปยิง แต่หน้าเสียดายที่ อดีตหัวหอก “เดอะ เร้ดส์” ยิงออกข้างไปซะงั้น

About admin

Check Also

แบร์นาโด้ ซิลวา เตรียมที่จะตัดสินใจอนาคตหลังจบฤดูกาลนี้

แบร์นาโด้ ซิลวา เตรียมที่จะตัดสินใจอนาคตหลังจบฤดูกาลนี้ !!

แบร์นาโด้ ซิลวา …