หงส์แดง ก็ทวงบัลลังก์จ่าฝูงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลัง “เรือใบสีฟ้า” บุกขยี้พาเลซขึ้นนำฝูง แต่ทว่าตอนนี้แมนซิตี้ลงมาอยู่ที่2หลังลิเวอร์พลูเอาชนะเชลซีไปได้
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 34 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา มีคิวลงแข่งขัน 2 คู่ คู่แรก “เรือใบสีฟ้า” ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยกพลบุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ ที่เซลเฮิร์ต พาร์ค
แมตช์นี้สำคัญกับ แมนฯซิตี้ เป็นอย่างมาก เพราะหากบุกไปคว้าสามแต้มมาได้จะแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงก่อน อีกทั้งเกมนี้ยังเป็นการล้างตา ลบแค้นหลัง “ดิ อีเกิ้ลส์” คือทีมเดียวที่บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ “เรือใบ” ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม
และเป็นเป็นไปตามคาด ชัยชนะ 3-1 กับฟอร์มอันสุดยอดของ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่เหมาคนเดียวสองเม็ดเป็นประตูที่ 17 ในซีซั่น เช่นเดียวกับผลงานของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่กลับมาอยู่ในฟอร์มที่พีคอีกหน เมื่อจัดการแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงประตูสองครั้ง และเป็น 2 แอสซิสต์แรกในซีซั่นนี้อีกด้วยหลังเจ้าตัวเพิ่งสลัดอาการเจ็บหนักมา
สามแต้มสำคัญที่แซงนำ “หงส์แดง” ขึ้นนำจ่าฝูง แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ลิเวอร์พูล ก็ไม่พลาดเช่นกันเมื่อจัดการหักคอ “สิงห์บลูส์” ในแอนฟิลด์ พร้อมทวงตำแหน่งหัวตารางคืน
เจอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมรู้เลยว่าไม่ง่าย ในการรับมือกับ เชลซี แถมยังมีแรงกดดันอีกต่างหากเมื่อเห็น “เรือใบ” นำเป็นจ่าฝูงไปก่อน
แต่ลูกโขกพิฆาตของ ซาดิโอ มาเน่ ในช่วงต้นครึ่งหลัง และลูกยิงไกลอันสุดสวยของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คุมสถานการณ์ได้ง่ายขึ้นก่อนจะเก็บคลีนชีตเอาชนะ เชลซี ไปได้อย่างสนุก 2-0 เพิ่มสถิติในลีกด้วยการไร้พ่ายในแอนฟิลด์ต่อเนื่องเป็นนัดที่ 38 แล้ว
3 คะแนนของ ลิเวอร์พูล ทำให้แซง แมนซิตี้ ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงมี 85 คะแนน มากกว่าลูกทีมของเป๊ปที่มี 83 คะแนนอยู่สองแต้ม แต่หงส์แดงแข่งมากกว่าหนึ่งเกม
ขณะที่ เชลซี ไม่สามารถแซงสเปอร์สขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ได้สำเร็จ หลังพ่ายเป็นเกมที่ 8 ของซีซั่น รั้งอันดับ 4 มี 66 คะแนน ตามหลัง “ไก่เดือยทอง” หนึ่งคะแนน แถมหาก อาร์เซน่อล ถ้าบุกไปคว่ำวัตฟอร์ดลงได้ก็จะแซงขึ้นที่ 4 แทนทันทีเนื่องจากแม้จะมีแต้มเท่ากันแต่ลูกได้เสียจะดีกว่า “สิงห์บลูส์”
ส่วนอันดับดาวซัลโวล่าสุด ลูกตะบันไกลอันสุดสวยของ ซาลาห์ ทำให้ยิงในลีกไป 19 ประตูแล้ว ขึ้นนำดาวซัลโวร่วมกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ของแมนฯซิตี้
ขณะที ซาดิโอ มาเน่ ลูกโขกเบิกร่องวันนี้เป็นประตูที่ 18 เข้าไปแล้ว ตามมาติดๆด้วย ราฮีม สเตอร์ลิง ที่วันนี้กดไปสองเม็ดมีเพิ่มเป็น 17 ประตู เท่ากับ โอบาเมย็อง และแฮร์รี่ เคน
ส่วนท็อปแอสซิสต์เป็น เอแด็น อาซาร์ และคริสเตียน เอริคเซ่น หลังจ่ายให้เพื่อนทำประตูไป 12 ครั้ง ตามมาด้วย ไรอัน เฟรเซอร์ 11 ครั้ง และลีรอย ซาเน่ 10 ครั้ง
ทิ้งท้ายด้วย อันดับตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่วมทั้งดาวซัลโว และท็อปแอสซิสต์หลังจบนัดที่ 34 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา
.jpg)