ตอนที่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในช่วงแรกๆ เมื่อเดือนมกราคม ปีก่อน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ดีใจจนแทบจะขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด เพราะเขาบอกว่าชื่นชอบ บาร์เซโลน่า อย่างมาก และใฝ่ฝันที่จะได้เล่นให้ยอดทีมแห่งถิ่น คัมป์ นู มานานแล้ว ซึ่งมันก็คงไม่แปลกถ้าเขาจะวาดฝันถึงการได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตามไปด้วย ในตอนที่ได้เป็นนักเตะของ บาร์เซโลน่า
น่าเศร้าที่ความจริงมันโหดร้ายกว่าความฝัน สถานการณ์ของ คูตินโญ่ กับ บาร์เซโลน่า ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ โดยล่าสุด อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬาระดับโลกถึงขั้นตีข่าวว่า “อาซูลกราน่า” หมดความอดทนในตัวเขาแล้ว และจะปล่อยเจ้าตัวออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้
ที่จริงกระแสข่าวการย้ายทีมของ คูตินโญ่ มีออกมาโดยตลอด จากการที่ฤดูกาลนี้เขาทำผลงานได้น่าผิดหวังจนแฟนบอล บาร์เซโลน่า บางคนถึงขั้นโห่ใส่เขาแล้ว ก่อนที่ฟางเส้นสุดท้ายของบอร์ดบริหารจะขาดสะบั้นหลังจากที่ทีมตกรอบรองชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยในรอบรองชนะเลิศ นัดสอง ที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-4 คูตินโญ่ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดของ บาร์เซโลน่า ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็นำไปสู่ประเด็นที่น่าสนใจว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ คูตินโญ่ ล้มเหลวกับ บาร์เซโลน่า ทั้งที่เขาเคยเป็นยอดนักเตะในตอนที่สวมเสื้อของ “หงส์แดง”
– พ่ายแพ้ต่อความคาดหวังและแรงกดดัน
ตอนที่ย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล คูตินโญ่ เป็นเพียงนักเตะที่ได้รับการจับตามองมากคนหนึ่งเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาไม่เจอกับแรงกดดันมากนัก และค่อยๆ ใช้เวลาปรับตัวเข้ากับ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเต็มที่ ก่อนที่จะกลายเป็นยอดมิดฟิลด์คนหนึ่งของลีก
ในทางกลับกัน เขาไปสวมเสื้อของ บาร์เซโลน่า โดยที่หลายฝ่ายคาดหวังว่าเขาจะไปเป็นทายาทของ อันเดรส อิเนียสต้า ซึ่งนั่นทำให้เขาเจอกับความกดดันอย่างมาก พอเล่นพลาดสัก 2-3 เกมติดต่อกันเขาก็จะโดนด่าอย่างหนักแล้ว และนั่นก็ไม่เป็นผลดีต่อการปรับตัวเข้ากับการเล่นใน ลา ลีกา ของเจ้าตัวเลย
นอกจากนี้ การที่ตอนนี้แฟนบอล บาร์เซโลน่า บางส่วนโห่ใส่ คูตินโญ่ อย่างหนักมันก็ทำให้สภาพจิตใจของเจ้าตัวย่ำแย่ลงไปอีก โดยที่จริงช่วงที่ผ่านมานักเตะบางคนของ บาร์เซโลน่า พยายามออกมาเรียกร้องให้แฟนบอลเลิกทำอย่างนั้นได้แล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลอยู่ดี
– สไตล์ไม่เข้ากับดีเอ็นเอของ บาร์เซโลน่า
เมื่อพูดถึง บาร์เซโลน่า แล้วนั้น หลายคนก็จะนึกถึงการขึ้นเกมที่รวดเร็วเหมือนจรวดจนคู่แข่งปิดช่องว่างไม่ทัน ซึ่งรูปแบบดังกล่าวกลายเป็นเหมือนดีเอ็นเอของ บาร์เซโลน่า ที่ไม่ว่ากุนซือคนไหนก็ห้ามทิ้งไปแล้ว และมันก็เคยทำให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างเป็นกอบเป็นกำ
อย่างไรก็ตาม ในหลายนัดที่ คูตินโญ่ ได้รับโอกาสลงสนามนั้น เขากลับเลือกที่จะแตะบอลมากเกินไป และพยายามที่จะเลี้ยงผ่านกองหลังให้ได้จนกลายเป็นการดื้อรั้นเกินความจำเป็น ซึ่งนั่นทำให้จังหวะการเล่นของ บาร์เซโลน่า เสียหายทันที และทำให้ทีมมีผลงานที่ย่ำแย่ตามไปด้วย
เรียกได้ว่าทายาทของ อิเนียสต้า กลับไม่สามารถเล่นตามแบบฉบับดั้งเดิมของ อิเนียสต้า ได้ซะอย่างนั้น
– แผนของ บัลเบร์เด้
นอกจากเรื่องสไตล์การเล่นส่วนตัวของ คูตินโญ่ ที่ไม่เข้ากับ บาร์เซโลน่า แล้วนั้น แผนการเล่นของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์ บาร์เซโลน่า มันก็มีส่วนทำให้ คูตินโญ่ กำลังเจอกับฝันร้ายกับการเล่นให้ยอดทีมแห่งถิ่น คัมป์ นู เหมือนกัน
ลิเวอร์พูล แทบจะสร้างบทบาทพิเศษขึ้นมาให้ คูตินโญ่ โดยเฉพาะ ในตอนที่เจ้าตัวยังสวมเสื้อ “หงส์แดง” โดยเฉพาะในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ดาวเตะเลือดแซมบ้าได้รับอิสระในการเล่นสุดๆ จนส่งผลให้เขาผ่านบอลได้แม่นยำ และทำประตูจากการยิงไกลได้หลายครั้ง
ขณะที่ตอนเล่นให้ทีมชาติบราซิลนั้น คูตินโญ่ ก็ได้รับบทบาทแบบเดียวกับตอนที่ลงสนามให้ ลิเวอร์พูล ด้วย นอกจากนี้ คูตินโย่ ยังสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง และปีกอีกต่างหาก ดูยังไงแล้วเขาก็ไม่น่าจะล้มเหลวกับ บาร์เซโลน่า ได้เลย
ถึงกระนั้น ความสามารถทั้งหมดทั้งมวลของ คูตินโญ่ ก็ถูกจำกัดเอาไว้ด้วยแผนการเล่นของ บัลเบร์เด้ เพราะถึงแม้กุนซือชาวสแปนิชจะยังให้ทีมเล่นเกมบุกอย่างรวดเร็วตามเอกลักษณ์ของสโมสรอยู่ แต่เขาก็ยังใส่รูปแบบการเล่นเกมรับที่รัดกุมเข้าไปด้วย อย่างเช่นการใช้แผน 4-4-2 หรือ 4-3-3 ที่มีการดัดแปลงให้นักเตะให้ความสำคัญกับเกมรับมากกว่าปกติ
ในระบบดังกล่าวของ บัลเบร์เด้ มันมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถเล่นแบบอิสระตามใจชอบได้ และนั่นคือ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งแน่นอนว่าการให้ เมสซี่ รับบทบาทนั้นมันสมเหตุสมผล เพราะดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม และมีความสร้างสรรค์ในการเล่นที่น่าทึ่ง ดีกรีการเป็นหนึ่งใน 2 นักเตะที่เก่งที่สุดของโลกในยุคปัจจุบันคือเครื่องการันตีถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม จากการที่บทบาทที่ คูตินโญ่ เคยถนัดและทำผลงานได้ดีต้องตกเป็นของ เมสซี่ มันก็ทำให้ คูตินโญ่ ต้องหันมาเล่นในบทบาทที่ไม่เข้ากับสไตล์ของเขา จนทำให้เจ้าตัวโชว์ฟอร์มเก่งไม่ออก และมันก็มีโอกาสน้อยมากที่ บัลเบร์เด้ จะยอมให้ คูตินโญ่ เป็นตัวอิสระคนที่สอง เพราะมันจะทำให้ระบบโดยรวมที่วางเอาไว้พังทลายลงได้
และนั่นก็มีส่วนทำให้ คูตินโญ่ ต้องทนอยู่กับฝันร้ายมาจนถึงทุกวันนี้