ศึก ลาลีกา สเปน ประจำฤดูกาล 2018/19 ปิดฉากลงไปอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์มาครองได้แบบสบายๆ แม้เกมส่งท้ายซีซั่นทำได้แค่บุกไปเสมอ เออิบาร์ 2-2
บาร์เซโลน่า เข้าป้ายอันดับหนึ่งด้วยการโกยคะแนนไปทั้งสิ้น 87 แต้ม ทิ้งห่าง แอตเลติโก มาดริด ทีมอันดับสอง 11 แต้ม นับเป็นการซิวแชมป์ลีกสมัยที่ 26 ของพวกเขา และเป็นแชมป์สมัยที่ 8 ในรอบ 11 ปี เรียกได้ว่า บาร์ซ่า ครองความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังแดนกระทิงดุแบบแทบจะเบ็ดเสร็จในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
นอกจากความยอดเยี่ยมของตัวเองแล้ว แน่นอนว่า อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ บาร์เซโลน่า เข้าป้ายคว้าแชมป์ได้แบบสบายๆ นั้น เป็นเพราะคู่แข่งสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด ต่างทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “ราชันชุดขาว” ที่หลุดจากวงโคจรลุ้นแชมป์ก่อนจบฤดูกาลหลายนัดเลยทีเดียว แถมจบแค่อันดับสาม และเกมสุดท้ายเมื่อคืนวันอาทิตย์ ก็ดันแพ้ เรอัล เบติส คาบ้าน 0-2 อีก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ช่วงซัมเมอร์นี้กุนซือ ซีเนดีน ซีดาน คงจะผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ พร้อมทั้งชอปปิ้งอย่างหนักแน่นอน เพื่อพา เรอัล มาดริด กลับมาอยู่ในจุดที่คู่ควรอีกครั้ง หลังจากที่ปิดฉากฤดูกาลนี้แบบมือเปล่า แถมงามน่าสุดๆ กับการถูก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบหมดสภาพ ทั้งที่มีดีกรีเป็นถึงแชมป์เก่า 3 สมัยติด
กลับไปที่ บาร์เซโลน่า อีกครั้ง ฤดูกาลนี้พวกเขายังมีลุ้นคว้าดับเบิ้ลแชมป์ด้วย เพราะมีโปรแกรมลงเตะเกม โกปา เดล เรย์ รอบชิงชนะเลิศ กับ บาเลนเซีย วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคมนี้ ซึ่งถ้าทำได้ก็จะถือเป็นฤดูกาลที่น่าพอใจสำหรับทีมของกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ไม่น้อย แม้ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ถูก ลิเวอร์พูล เขี่ยตกรอบตัดเชือกแบบช็อกแฟนบอลก็ตาม

ส่วน แอต. มาดริด จบด้วยการเป็นรองแชมป์ แต่ผลงานถือว่าไม่ขี้เหร่ แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ฤดูกาลหน้าพวกเขาจะไม่มีกองหน้าคนสำคัญอย่าง อ็องตวน กรีซมันน์ แล้ว ดังนั้น “ตราหมี” จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องหาตัวแทนของ กรีซมันน์ ที่สมน้ำสมเนื้อ
สรุปแล้ว สี่ทีมที่ได้โควตาลุยถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าคือ บาร์เซโลน่า, แอต. มาดริด, เรอัล มาดริด และ บาเลนเซีย ที่สุดท้ายสามารถเบียดแซง เคตาเฟ่ กับ เซบีย่า ขึ้นมาคว้าอันดับสี่ได้ ซึ่งทั้งสี่ทีมนี้ถือว่าหน้าเดิมทั้งหมด แถมยังเรียงอันดับ 1, 2, 3 และ 4 เหมือนเดิมเป๊ะ!!!

ส่วนสามทีมที่ได้สิทธิ์เล่นถ้วยเล็กอย่าง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก นั้น ประกอบไปด้วย เคตาเฟ่, เซบีย่า และ เอสปันญ่อล โดย “เจ้านกแก้ว” ที่จบด้วยอันดับเจ็ด จะต้องไปเตะในรอบคัดเลือกก่อน
สำหรับโซนท้ายตาราง สามทีมที่้ต้องตกชั้นกลับไปเริ่มต้นใหม่ในเวที เซกุนด้า คือ ราโย บาเยกาโน่ (รั้งบ๊วย), อ้วยส์ก้า (อันดับ 19) และ คิโรน่า (อันดับ 18) โดยสองรายแรกคือทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา แต่สุดท้ายไม่สามารถเอาตัวรอดได้

เรื่องดาวซัลโวของลีกนั้น ลิโอเนล เมสซี่ ยอดกองหน้ากัปตันทีม บาร์เซโลน่า เข้าป้ายที่หนึ่งชนิดทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น โดยกดไปทั้งสิ้น36 ประตู และถือเป็นสมัยที่หกแล้ว (ต่อจากซีซั่น 2009/10, 2011/12, 2012/13, 2016/17 และ 2017/18) ที่เจ้าตัวเป็นดาวซัลโว ลา ลีกา ส่วนอันดับสองตกเป็นของ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงเพื่อนร่วมทีมของ เมสซี่ กับ คาริม เบนเซม่า หัวหอก เรอัล มาดริด ที่กระทุ้ง 21 ตุงเท่ากัน
ขณะที่จอมแอสซิสต์ของลีกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น เมสซี่ อีกเช่นเคย ที่รั้งเบอร์หนึ่งร่วมกับ ปาโบล ซาราเบีย ดาวเตะ เซบีย่า โดยทั้งคู่กดไปคนละ 13 แอสซิสต์ รองลงมาคือ ซานติ กาซอร์ล่า กองกลางจอมเก๋าของ บียาร์เรอัล กับ โจนี่ มิดฟิลด์ เดปอร์ติโบ อลาเบส ที่ทำไปคนละ 10 แอสซิสต์

ก่อนจากกันไปเพื่อกลับมาพบกันใหม่ในซีซั่นหน้า ขอปิดท้ายด้วยสถิติเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนเกี่ยวกับศึก ลา ลีกา สเปน ประจำฤดูกาล 2018/19
– จำนวนประตูที่เกิดขึ้นทั้งหมด : 983 (เฉลี่ยนัดละ 2.59 ประตู)
– ทีมเจ้าบ้านชนะขาดลอยสุด : บาร์เซโลน่า 8-2 อ้วยส์ก้า (2 ก.ย. 2018)
– ทีมเยือนชนะขาดลอยสุด : เลบานเต้ 0-5 บาร์เซโลน่า (16 ธ.ค. 2018)
– เกมที่มีการทำประตูมากสุด : บาร์เซโลน่า 8-2 อ้วยส์ก้า (2 ก.ย. 2018)
– ชนะติดต่อกันมากสุด : 8 เกม (บาร์เซโลน่า)
– ไม่แพ้ติดต่อกันมากสุด : 23 เกม (บาร์เซโลน่า)
– ไม่ชนะติดต่อกันมากสุด : 16 เกม (อ้วยส์ก้า)
– แพ้ติดต่อกันมากสุด : 7 เกม (ราโย บาเยกาโน่)
– ยอดรวมผู้ชมในสนาม : 10,200,458 (เฉลี่ยนัดละ 26,843 คน)
– เกมที่มีคนดูในสนามมากสุด : บาร์เซโลน่า 5-1 เรอัล มาดริด, 93,265 คน (28 ต.ค. 2018)
– เกมที่มีคนดูในสนามน้อยสุด : เออิบาร์ 0-3 เอสปันญ่อล, 3,652 คน (21 ม.ค. 2019)
– ทีมที่ครองบอลมากสุด : บาร์เซโลน่า (61.4%)
– ทีมที่ครองบอลน้อยสุด : เคตาเฟ่ (43%)
– ทีมที่ได้ประตูจากโอเพ่นเพลย์มากสุด : บาร์เซโลน่า (61 ลูก)
– ทีมที่ได้ประตูจากลูกตั้งเตะมากสุด : เดปอร์ติโบ อลาเบส (17 ลูก)
– ทีมที่ได้ประตูจากจุดโทษมากสุด : เรอัล มาดริด (9 ลูก)
– ทีมที่ได้ประตูจากจุดโทษน้อยสุด : เดปอร์ติโบ อลาเบส (2 ลูก)
– ทีมที่เสียประตูจากจุดโทษมากสุด : อ้วยส์ก้า (9 ลูก)
– ทีมที่เสียประตูจากจุดโทษน้อยสุด : บาร์เซโลน่า และ เรอัล โซเซียดาด (2 ลูก)
– ทีมที่ได้ประตูจากโอว์นโกลมากสุด : เอสปันญ่อล (5 ลูก)
– ทีมที่ได้ประตูจากโอว์นโกลน้อยสุด : เดปอร์ติโบ อลาเบส, คิโรน่า, อ้วยส์ก้า และ เออิบาร์ (0 ลูก)
– ทีมที่ทำเข้าประตูตัวเองมากสุด : อ้วยส์ก้า, บียาร์เรอัล (3 ลูก)
– ทีมที่ทำเข้าประตูตัวเองน้อยสุด : เรอัล มาดริด, แอธเลติก บิลเบา, เรอัล เบติส และ เซบีย่า (0 ลูก)
– ทีมที่ได้ใบเหลืองมากสุด : แอธเลติก บิลเบา (117 ใบ)
. – ทีมที่ได้ใบเหลืองน้อยสุด : เซลต้า บีโก้ (74 ใบ)
– ทีมที่ได้ใบแดงมากสุด : ราโย บาเยกาโน่ (8 ใบ)
– ทีมที่ได้ใบแดงน้อยสุด : เรอัล บายาโดลิด (0 ใบ)
– ผู้เล่นที่ได้ใบเหลืองมากสุด : เอแวร์ บาเนก้า (เซบีย่า) และ มาริโอ กาสปาร์ (บียาร์เรอัล) (15 ใบ)
– ผู้เล่นที่ได้ใบแดงมากสุด : อับดูลาย บา (ราโย บาเยกาโน่), อัลบาโร่ กอนซาเลซ (บียาร์เรอัล), เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า (คิโรน่า), เฌเน่ ดาโกนาม (เคตาเฟ่), เอริค กาบาโก้ (เลบานเต้), เอแวร์ บาเนก้า (เซบีย่า), กุสตาโว่ กาบราล (เซลต้า บีโก้), ฆอร์เก้ ปูลีโด้ (อ้วยส์ก้า), หลุยส์ อัดวินซูล่า (ราโย บาเยกาโน่), ออสการ์ เด มาร์กอส (แอธเลติก บิลเบา) และ รูเบน โรชิน่า (เลบานเต้) (2 ใบ)