นับเป็นเรื่อที่น่าเสียดายสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ ลิเวอร์พูล หลังจากที่พวกเขามีลุ้นแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปีมาตลอดทั้งฤดูกาล ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้วจะต้องผิดหวัง เพราะถึงแม้จะโกยไปถึง 97 คะแนน แต่ก็ยังแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ 98 แต้ม
ทั้งนี้ บางคนมองว่าถึงแม้ทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะพลาดแชมป์ลีกไปแบบน่าเสียดายในซีซั่น 2018-19 แต่พวกเขาก็มีโอกาสดีที่จะได้ลุ้นแชมป์อีกครั้งในฤดูกาลหน้า ซึ่งถ้าลองพิจารณาตามปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้แล้วนั้น มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ
– เกอิต้า กำลังมา
คล็อปป์ ชื่นชอบในตัว เกอิต้า มากๆ จนถึงขนาดทำข้อตกลงขอซื้อเขามาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ล่วงหน้า ตั้งแต่ในฤดูกาล 2017-18 ก่อนที่จะได้เข้ามาใช้งานจริงๆ ในช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน โดยกุนซือชาวเยอรมันหวังว่าการเล่นที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ของเขาจะเพิ่มคุณภาพในเกมรุกให้ทีมได้

ทั้งนี้ จนถึงช่วงกลางฤดูกาล 2018-19 เกอิต้า ดูจะเป็นการซื้อที่ไม่คุ้มค่า หลังจากที่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ และกว่าจะมาทำแอสซิสต์แรกในลีกได้ก็ต้องรอจนถึงนัดที่ 23 ที่ ลิเวอร์พูล ชนะ คริสตัล พาเลซ 4-3 ซึ่งตอนนั้นมันก็ทำให้มีข่าวลือว่า ลิเวอร์พูล อาจจะขายเขา

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ เกอิต้า ฟอร์มไม่แจ่มเท่าไหร่เป็นเพราะเขาแค่ต้องการเวลาปรับตัวกับการเล่นในลีกอังกฤษเท่านั้น และตอนนี้ดาวเตะชาวกินีก็เหมือนจะปรับตัวได้แล้ว หลังจากช่วงท้ายฤดูกาลทำผลงานได้ดีขึ้น ซึ่งถ้าเขายังรักษาระดับการเล่นในช่วงท้ายฤดูกาลเอาไว้ได้แล้วล่ะก็ ซีซั่นหน้าเขาก็น่าจะช่วย ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
– ขุมกำลังหลัก (น่าจะ) ยังอยู่กันครบ
หลายฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ต้องเสียตัวสำคัญของทีมในช่วงที่ “หงส์แดง” กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหลายคน อย่างเช่น เฟร์นานโด ตอร์เรส, หลุยส์ ซัวเรซ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เป็นต้น ซึ่งนั่นก็ทำให้พัฒนาการที่กำลังไปได้สวยของ ลิเวอร์พูล ต้องหยุดชะงัก พร้อมกับส่งผลให้พวกเขาไม่ได้แชมป์มากเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ต่างออกไปจากสมัยก่อนแล้ว พวกเขามีสภาพการเงินที่แข็งแกร่งจนดูแล้วไม่จำเป็นต้องขายนักเตะเพื่อทำให้การเงินของทีมมีสภาพสมดุลอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีนักเตะกำลังหลักคนไหนของทีมที่แสดงท่าทีว่าอยากย้ายออกจาก แอนฟิลด์ ในช่วงซัมเมอร์นี่ด้วย

จริงอยู่ว่ามีข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายทีมของนักเตะอย่าง ซาลาห์, มาเน่, ฟีร์มีโน่ และ โรเบิร์ตสัน อยู่บ้าง แต่ทั้งหมดก็แสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะอยู่ช่วยทีมต่อไป ซึ่งถ้าเกิดขุมกำลังสุดแกร่งจากซีซั่นนี้ยังอยู่กับพร้อมหน้า มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยถ้าเกิดทีมของ คล็อปป์ จะสานต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมได้ในฤดูกาลหน้า พร้อมกับมีโอกาสได้ลุ้นแชมป์อย่างเต็มที่อีกหน
– ตัวหลักยังไม่แก่
นักฟุตบอลก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เมื่ออายุมากขึ้นก็ย่อมต้องฝีเท้าโรยราลงบ้าง รวมถึงมีสภาพความฟิตแย่ลงบ้างอยู่ลแล้ว อย่างไรก็ตาม ขุมกำลังของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้เต็มไปด้วยนักเตะที่อายุไม่มากนัก ทำให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถเล่นได้อย่างเต็มศักยภาพ

ถ้านับเฉพาะกลุ่มนักเตะที่ลงเล่นในลีก 15 นัดขึ้นไปนั้น มีเพียงคนเดียวที่อายุ 30 ปีขึ้นไป นั่นคือ เจมส์ มิลเนอร์ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ที่ลงเล่นไป 31 นัด ส่วนที่เหลือไม่มีใครที่อายุแตะหลักเลข 3 เลย โดยคนที่ลงเล่นในลีก 15 นัดขึ้นไปและมีอายุมากที่สุดเป็นอันดับสองก็คือ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่อายุ 29 ปี ซึ่งที่จริง สเตอร์ริดจ์ ก็ไม่ใช่ตัวหลักของทีมอยู่แล้ว
ขนาด ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 3 แนวรุกสุดโหดยังเพิ่งมีอายุเพียง 27 ปี, 27 ปี และ 26 ปีตามลำดับเท่านั้น ส่วน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 2 ฟูลแบ็กจอมแอสซิสต์ก็มีอายุแค่ 25 ปี กับ 20 ปีตามลำดับ ขณะทั่ ดิว็อค โอริกี้ ที่เป็นฮีโร่ของทีมในช่วงท้ายฤดูกาลก็เพิ่งมีอายุแค่ 24 ปีเอง

ด้าน เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ก็เพิ่งมีอายุแค่ 27 ปี นั่นหมายความว่าสภาพร่างกายของเขายังดีพอที่จะยืนปักหลักในแผงหลังให้กับ ลิเวอร์พูล ตลอดทั้งฤดูกาล เหมือนในซีซั่นนี้ที่เจ้าตัวลงเล่นในลีกไปครบทั้ง 38 นัด